แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4 – 1 โบลตัน วันเดอร์เรอร์ส
ชมวีดีโอคลิปไฮไลท์การแข่งขัน คลิ๊กที่นี่
สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด, อังกฤษ
ผู้ชมในสนาม 67,858 คน
รายการ พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
เวลา 22.00 น. วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม 2548
ผู้ตัดสิน สตีฟ เบนเนตต์
ปิศาจแดง ฉลองวันคล้ายวันเกิดของเจ้านายใหญ่ด้วยการโชว์ฟอร์มสุดยอดส่งท้ายปี 2005
ปี 2005 จะไม่ใช่ปีที่ได้รับการจดจำว่าเป็นปีที่ยอดเยี่ยมของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่พลพรรคปิศาจแดง ส่งท้ายปีรวมทั้งฉลองวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 64 ปีของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ด้วยผลงานการเล่นที่สุดยอดเอาชนะโบลตัน วันเดอร์เรอร์ส ไปได้ 4-1 ในวันสิ้นปี
ช่องว่างที่ตามหลังเชลซี ยังคงเป็น 11 คะแนน แต่ความหวังยังคงมีอยู่ในเกมไล่ถล่มโบลตัน จาก 2 ประตูของคริสเตียโน่ โรนัลโด้, ประตูแรกในลีกฤดูกาลนี้ของหลุยส์ ซาฮา และการทำเข้าประตูตัวเองของบรูโน่ เอ็นก็อตตี้
เซอร์ อเล็กซ์ ทำการเปลี่ยนแปลงทีมหลายตำแหน่ง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคงเป็นเพราะโปรแกรมการแข่งขันที่ติดกันมากมายหลายนัดตลอดเดือนนี้ ปิศาจแดง จะไปเยือนสนามไฮบิวรี่ ในวันอังคารหลังจากต้องลงเล่น 10 นัดในเดือนธันวาคม โดยรุด ฟาน นิสเตลรอย ถูกพักเป็นตัวสำรอง ในขณะที่พอล สโคลส์ และอลัน สมิธ ได้พักไม่ต้องลงเล่นในนัดนี้
ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เรียกตัวมิเกล ซิลแวสตร์ กลับมายืนคู่กับริโอ เฟอร์ดินานด์ ในแผงกองหลัง ส่วนในแผงกองกลางให้ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ และจอห์น โอเชีย ลงเล่นตรงกลาง โดยขนาบข้างด้วยไรอัน กิ๊กส์ และคริสเตียโน่ โรนัลโด้
โบลตัน ซึ่งเข้ารอบ 32 ทีมสุดท้ายในศึกยูฟ่า คัพ มีเหตุผลที่จะฉลองความสำเร็จที่ผ่านมาในฤดูกาลนี้ ในขณะที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เล่นได้ค่อนข้างจะไม่คงเส้นคงวานัก
ปิศาจแดง ลงเล่นเกมนี้ด้วยการถูกทิ้งห่างไป 14 คะแนน หลังจากก่อนหน้านี้เชลซี เอาชนะเบอร์มิงแฮม ไปได้ 2-0 อย่างไรก็ตาม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เริ่มต้นเกมด้วยรูปแบบที่ถนัดของตัวเองโดยบุกกดดันโบลตัน ให้ตั้งรับโดยตลอดตั้งแต่เริ่มต้นการแข่งขัน
เวย์น รูนี่ย์ ลงเล่นเป็นกองหน้าตัวต่ำโดยยืนหลังหลุยส์ ซาฮา ซึ่งเป็นกองหน้าตัวเป้า เกมผ่านไปได้ไม่นานรูนี่ย์ ก็ได้โอกาสส่องไกล 2 ครั้ง โดยครั้งแรกได้ยิงหลังจากพาบอลหนีเบน เฮม ไปได้ แต่บอลลอยข้ามคานไปนิดเดียวคงเป็นเพราะพื้นสนามหน้ากรอบเขตโทษค่อนข้างแข็งอีกครั้งเป็นลูกยิงเต็มข้อระยะ 20 หลา แต่บอลไปแฉลบซิลแวสตร์ และถูกสกัดออกมาจากเส้นประตูได้ทัน
แต่ใช้เวลาไม่นานนักแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็สามารถเจาะตาข่ายได้สำเร็จ ซึ่งเป็นผลตอบแทนการบุกกดดันตั้งแต่ต้นเกมที่สมควรได้รับแล้ว ไรอัน กิ๊กส์ แทงบอลไปให้กับคีแรน ริชาร์ดสัน ซึ่งวิ่งเติมขึ้นมาจากตำแหน่งแบ็คซ้าย ก่อนที่จะกระชากบอลขึ้นหน้าแล้วเปิดเข้ากลางอย่างเหมาะเจาะไปที่ระหว่างผู้รักษาประตูและกองหลัง เอ็นก็อตตี้ มีทางเลือกไม่มากนักเนื่องจากมีซาฮา ยืนอยู่ด้านหลังจึงต้องรีบแหย่เท้าสกัดบอลแต่โดนผิดเหลี่ยมทำให้บอลเข้าไปตุงตาข่ายฝั่งตัวเอง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำไปก่อน 1-0 ในนาทีที่ 8
หลังจากนั้นรูนี่ย์ ก็ได้โอกาสโชว์ความสามารถ 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเขาแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของร่างกายหลังจากได้บอลมาจากโอเชีย เขาใช้ความแข็งแกร่งพาบอลผ่านเอ็นก็อตตี้ ซึ่งดึงเขาเอาไว้จากด้านหลัง ก่อนที่จะซัดเต็มแรงจากระยะใกล้แต่บอลลอยข้ามคานออกไป หลังจากนั้นเขาแสดงให้เห็นถึงสายตาอันเฉียบคมหลังจากโรนัลโด้ โยนบอลเข้ากลางจากปีกขวา เขาปาดบอลเล่นทางไปที่เสาไกลอย่างบรรจงแต่บอลหลุดออกข้างเสาไป
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ครองบอลบุกได้ดีกว่า โรนัลโด้ โชว์ลีลาความสามารถเฉพาะตัวที่น่าตื่นตาตื่นใจ ในขณะที่เฟล็ตเชอร์ โดดเด่นด้วยการจ่ายบอลและยืนตำแหน่งได้ดี ส่วนรูนี่ย์ และซาฮา ก็อันตรายในแดนหน้าอย่างต่อเนื่อง
แต่ทีมประสบการณ์สูงของแซม อัลลาไดซ์ ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ค่อยได้โอกาสเจาะแผงกองหลังของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างชัดเจนนัก แต่พวกเขาก็อันตรายเมื่อได้โอกาส และโอกาสก็มาถึงในนาทีที่ 33 จากลูกทุ่มไกลของเจย์ เจย์ โอโคชา เข้าไปในกรอบเขตโทษ อับดุลเลย์ เฟย์ กระโดดขึ้นระหว่างแกรี่ เนวิลล์ และริโอ เฟอร์ดินานด์ โหม่งบอลต่อไปที่เสาไกลให้กับแกรี่ สปีด ที่เติมขึ้นมาโหม่งเน้นๆ ส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย โบลตัน ตีเสมอเป็น 1-1 ในนาทีที่ 33
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกือบจะตอบโต้ได้ในทันทีในเกมที่เริ่มจะน่าสนใจขึ้นมาแล้ว เป็นอีกครั้งที่รูนี่ย์ ได้แสดงทักษะความสามารถ เขาแทงบอลทะลุช่องอย่างชาญฉลาดไปให้กับซาฮา ที่วิ่งแซงหน้าเอ็นก็อตตี้ เข้าไปยิงแต่ลูกยิงของเขาไปติดตัวยัสเคไลเน่น ที่พุ่งออกมาบล็อกเอาไว้ได้
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกกระหน่ำกดดันโบลตัน หวังจะทำประตูขึ้นนำอีกครั้งให้ได้ กิ๊กส์ โยนบอลเข้ากลางแต่ถูกโหม่งออกมาเข้าทางโรนัลโด้ ที่ได้วอลเล่ย์เต็มข้อ แต่บอลพุ่งไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย
แม้ว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะจ่ายบอลไปมาและเดินเกมบุกอย่างสลับซับซ้อน แต่กลายเป็นการเปิดบอลโด่งขึ้นหน้าและความผิดพลาดของแผงกองหลังอีกครั้งที่ทำให้ทีมได้ประตูที่ 2 จนได้ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ เตะบอลโด่งขึ้นหน้า ตัล เบน เฮม คิดว่าปลอดภัยที่จะโหม่งบอลคืนหลังไปให้กับยัสเคไลเน่น แต่ซาฮา คิดเอาไว้แล้วว่ากองหลังของโบลตัน จะทำอะไรจึงวิ่งเข้าหาบอลก่อน แล้วยกขาขึ้นสัมผัสบอลอย่างพอเหมาะพอดีซึ่งทำให้เขาได้บอลหลุดผ่านยัสเคไลเน่น ที่ออกมาจะคว้าบอลด้วย ก่อนที่จะยิงตวัดด้วยเท้าซ้ายส่งบอลข้ามตัวของเอ็นก็อตตี้ ที่พยายามตามมาสกัดแต่ไม่ทัน บอลลอยเข้าประตูไป ถือเป็นประตูแรกในลีกของซาฮา ในฤดูกาลนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำอีกครั้งเป็น 2-1 ในนาทีที่ 44 ก่อนจบครึ่งแรกไป
ครึ่งหลังเริ่มต้นขึ้นอย่างดุเดือดกว่า ผู้เล่นของโบลตัน แน่นอนว่าต้องโดนแซม อัลลาไดซ์ ตำหนิในช่วงพักครึ่งถึงการเล่นที่ผิดพลาดใน 45 นาทีแรก ทำให้ออกมาเล่นกันอย่างตั้งใจมากขึ้น
แต่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงเดินหน้าบุกได้มากกว่า หลังจากเกมผ่านไปได้ 1 ชั่วโมง โรนัลโด้ ได้โอกาสยิงไกลด้วยเท้าซ้าย แต่บอลก็ยังไปชนโคนเสาออกมาอีก เป็นอีกครั้งที่โรนัลโด้ ถูกเสาปฏิเสธการทำประตู อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่นานปีกดาวรุ่งโปรตุเกสก็ทำประตูจนได้
หลังจากนั้น 5 นาที รูนี่ย์ พาบอลลุยผ่านแผงกองหลังของโบลตัน ที่ไล่สกัดอย่างหนักหน่วงแล้วทำชิ่งกับซาฮา กอ่นที่จะกระชากบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษทางด้านซ้าย และเมื่อดูเหมือนว่าเขาจะวางเท้ายิงด้วยเท้าซ้าย เขากลับงัดบอลด้วยเท้าขวาไปที่เสาไกล ซึ่งโรนัลโด้ วิ่งเข้ามาพอดีก่อนที่จะจิ้มบอลเข้าไปตุงตาข่าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำห่างเป็น 3-1 ในนาทีที่ 68 มันเป็นประตูที่ปีกดาวรุ่งชาวโปรตุเกสและปิศาจแดง สมควรได้รับ แต่หลังจากที่ทำประตูได้เขากระโดดเข้าไปดีใจกับแฟนบอล ทำให้สตีฟ เบนเนตต์ ควักใบเหลืองแจกให้เขาด้วย
ซาฮา, รูนี่ย์ และเฟล็ตเชอร์ ถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงท้ายเกม โดยแทนที่ด้วยรุด ฟาน นิสเตลรอย, ปาร์ค จีซุง และเชราร์ด ปิเก้ ตามลำดับ เพื่อรักษาความฟิตของร่างกายก่อนที่จะไปเยือนสนามไฮบิวรี่ ในวันอังคาร
ในช่วงทดเวลาเจ็บ โรนัลโด้ ทำประตูที่ 2 ของตัวเองให้ปิศาจแดง นำห่างเป็น 4-1 ปิเก้ และฟาน นิสเตลรอย ซึ่งลงสนามมาเป็นตัวสำรองทั้งคู่ช่วยกันทำทางก่อนที่จะจ่ายบอลไปให้กับโรนัลโด้ ทางฝั่งขวา ซึ่งตอนนี้เล่นด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม เขากระชากบอลหลบริคาร์โด้ การ์ดเนอร์ เข้าไปด้านในเพื่อหาที่ว่างก่อนที่จะยิงหักข้อด้วยเท้าซ้าย บอลพุ่งเรียดผ่านมือยัสเคไลเน่น เข้าประตูไป ก่อนจะหมดเวลาการแข่งขันไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถล่มโบลตัน วันเดอร์เรอร์ส ไปอย่างสบายด้วยสกอร์ 4-1
ในเกมพรีเมียร์ชิพ 10 นัดหลังสุด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำได้ 26 คะแนนจากทั้งหมดที่เป็นไปได้ 30 คะแนน แต่มันจะเพียงพอหรือไม่ที่จะไล่ตามเชลซี ซึ่งเอาชนะได้โดยตลอดทุกนัดเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
แฟนบอลทั่วสนามปรบมือแสดงการสดุดีต่อเซอร์ อเล็กซ์ รวมทั้งการคว้า 3 คะแนนเต็มด้วยฟอร์มการเล่นในบ้านที่น่าประทับใจ ถือเป็นของขวัญที่สมบูรณ์แบบในการฉลองวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 64 ปีของท่านผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (บรรยายเกมโดย DaKinG)
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 19
ริโอ เฟอร์ดินานด์ 5
แกรี่ เนวิลล์ 2
จอห์น โอเชีย 22
มิเกล ซิลแวสตร์ 27
ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 24
ไรอัน กิ๊กส์ 11
คีแรน ริชาร์ดสัน 23 ( น. 62)
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7 ( น. 68, 90) ( น. 69)
เวย์น รูนี่ย์ 8
หลุยส์ ซาฮา 9 ( น. 44)
สำรอง
ทิม โฮเวิร์ด 1
ฟิลลิป บาร์ดสลี่ย์ 26
เชราร์ด ปิเก้ 28 น. 86 ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 24
ปาร์ค จีซุง 13 น. 79 เวย์น รูนี่ย์ 8
รุด ฟาน นิสเตลรอย 10 น. 73 หลุยส์ ซาฮา 9
โบลตัน วันเดอร์เรอร์ส
ยัสซี่ ยัสเคไลเน่น 22
ตัล เบน เฮม 26
บรูโน่ เอ็นก็อตตี้ 5 ( ทำเข้าประตูตัวเอง น. 8)
อับดุลเลย์ เฟย์ 25 ( น. 29)
ริคาร์โด้ การ์ดเนอร์ 11 ( น. 55)
สเตลิออส จิอันนาโคปูลอส 7
เควิน โนแลน 4 ( น. 90)
โจอี้ โอไบรอัน 24
เจย์ เจย์ โอโคชา 10
แกรี่ สปีด 6 ( น. 33)
เควิน เดวี่ส์ 14 ( น. 90)
สำรอง
เอียน วอล์คเกอร์ 12
ราดี้ จาอิดี้ 15
คาลิลู ฟาดิก้า 39 น. 76 สเตลิออส จิอันนาโคปูลอส 7
ฮิเดโตชิ นากาตะ 16
ริคาร์โด้ วาซ เท 20 ( น. 62) น. 45 ตัล เบน เฮม 26
สถิติของเกม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยิงประตู 18 ครั้ง ตรงกรอบ 9 ครั้ง, ฟาวล์ 9, เตะมุม 7, ล้ำหน้า 2, ใบเหลือง 2, การครองบอล 53%
โบลตัน วันเดอร์เรอร์ส ยิงประตู 4 ครั้ง ตรงกรอบ 2 ครั้ง, ฟาวล์ 22, เตะมุม 1, ล้ำหน้า 4, ใบเหลือง 5, การครองบอล 47%
คะแนนความสามารถ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 6, แกรี่ เนวิลล์ 8, ริโอ เฟอร์ดินานด์ 7, มิเกล ซิลแวสตร์ 7, จอห์น โอเชีย 7, คีแรน ริชาร์ดสัน 7, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 8, ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 7, ไรอัน กิ๊กส์ 7, หลุยส์ ซาฮา 7, เวย์น รูนี่ย์ 9, เชราร์ด ปิเก้ (สำรอง) 6, รุด ฟาน นิสเตลรอย (สำรอง) 7, ปาร์ค จีซุง (สำรอง) 6
โบลตัน วันเดอร์เรอร์ส ยัสซี่ ยัสเคไลเน่น 7, ตัล เบน เฮม 5, บรูโน่ เอ็นก็อตตี้ 5, โจอี้ โอไบรอัน 6, ริคาร์โด้ การ์ดเนอร์ 6, สเตลิออส จิอันนาโคปูลอส 6, เจย์ เจย์ โอโคชา 7, อับดุลเลย์ เฟย์ 6, เควิน โนแลน 6, แกรี่ สปีด 6, เควิน เดวี่ส์ 6, คาลิลู ฟาดิก้า (สำรอง) 6, ริคาร์โด้ วาซ เท (สำรอง) 6
Por